หลังจากตอนที่แล้ว ที่พาไปเดินทางเดินลอยฟ้า แวะทานข้าว เลือกซื้อต้นไม้ และซื้อของในร้านขายของที่ระลึกแล้ว ตอนนี้จะพาเดินข้ามฝั่งที่จอดรถ ลงบันไดเพื่อไปเดินเที่ยวที่กลุ่มอาคารเรือนกระจกค่ะ
เดินลงมาจากที่จอดรถ จะถึงแปลงดอกไม้ ที่นี่เขียนว่าเป็น Rose Garden แต่อาจจะไปไม่ตรงกับช่วงที่ออกดอก ก็เลยไม่ค่อยเห็นดอกกุหลาบค่ะ
แต่ก็เห็นดอกไม้อื่นๆที่ปลูกตกแต่งอยู่บริเวณรอบๆ มีหลายชนิดเหมือนกันค่ะ นี้จะเป็นบรรยากาศรอบๆ ค่ะ
กลุ่มอาคารเรือนกระจก Glasshouse Complex
บริเวณนี้จะมีหลายอาคารอยู่ใกล้ๆกัน แต่ละอาคารจะรวบรวมพรรณไม้ชนิดต่างๆไว้มากมาย แยกตามประเภท ชนิด และสถานที่ปลูก
เช่น พืชที่ขึ้นบริเวณหินปูน พืชทะเลทราย พืชประเภทบัว พืชป่าดิบชื้น และเรือนกล้วยไม้ ลองไปดูรูปสวยๆ กันเลยค่ะ
พืชหินปูน (Limestone Plants)
อาคารแรกเป็นพืชหินปูนค่ะ เมื่อเข้าไปในอาคารจะมีป้ายความรู้เกี่ยวกับหินปูน และพืชที่ขึ้นบนหินปูนได้ ตัวอาคารเป็นอาคารปิด ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ถึงแม้ว่าหินปูนเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยเหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืชซักเท่าไหร่ แต่เมื่อพืชที่เติบโตได้บนหินปูนก็สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว
ถัดจากอาคารพืชหินปูน ก็มีอาคารพืชกินแมลง พืชจำพวกบุก-บอน พืชใบด่าง พืชสมุนไพร
พืชกินแมลง (Carnivorous Plants)
พืชกินแมลง เป็นพืชที่ได้สารอาหารบางส่วนหรือส่วนใหญ่ (แต่ไม่รวมถึงพลังงาน) จากการดักและบริโภคสัตว์ หรือสัตว์เซลล์เดียว ซึ่งปกติได้แก่แมลง และสัตว์ขาปล้องเหล่าอื่นๆ แต่ละชนิดก็มีวิธีการดักจับแมลงแตกต่างกันไป เช่น บางชนิดมีกะเปาะที่มีฝาปิด บริเวณใต้ฝา มีต่อมผลิตน้ำหวานที่คอยล่อมดและแมลงต่างๆ เมื่อมดพยายามจะกินน้ำหวาน ก็ต้องเดินผ่านขอบปากหม้อ หรือกะเปาะที่มีความลื่นเป็นพิเศษ ทำให้มดหรือแมลงลื่นหล่นลงไปจมน้ำที่อยู่ภายในหม้อตาย จากนั้นก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นอาหาร น่าทึ่งใช่ไม๊คะ กับวิธีการจับแมลงของต้นไม้แบบนี้
ต้นปังเหนียวที่เราซื้อมา ก็เป็นพืชกินแมลงเหมือนกัน แต่นึกไม่ออกว่ามันกินยังไง
พืชกินแมลงบางชนิดใช้ของเหลวเหนียวๆ เพื่อดักจับแมลง แล้วค่อยๆ ย่อยสลายแมลงนั้น เช่น ต้นสาหร่ายข้าวเหนียวค่ะ
อีกชนิดนึงไม่ได้ถ่ายรูปมา เรียกว่า ต้นกาบหอยแครง ลักษณะจะคล้ายๆ เปลือกหอยอ้าอยู่ พอมีแมลงเข้าไปตรงกลาง คงไปเหยียบโดน sensor ปุ๊บ มันก็จะงับเข้าหากัน แมลงก็จะติดอยู่ข้างใน เห็นมีคนซื้อไปเลี้ยงเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงเลย ถึงเวลาก็เอาแมลงให้กิน อืม.. น่าสนใจจริงๆค่ะ
ต่อไปเป็น พืชจำพวกบุก-บอน (Aroids)
ที่รู้จักกันดีก็จะเป็นประเภท สาวน้อยประแป้ง หรือพวกดอกหน้าวัวค่ะ แต่ละชนิดก็จะมีหลากสีกันออกไป เช่นแบบนี้ค่ะ
ถัดจากเรือนบุก-บอน ก็จะเป็น เรือนไม้ด่าง (Variegated Plants)
ไม้ด่างจะเป็นพืชที่มีลักษณะต่างไปจากปกติ โดยแสดงอาการด่างตามส่วนต่างๆ ทั้งต้น ใบ หรือดอก ซึ่งอาจมีสีสันและลวดลายด่างแตกต่างกันไป สาเหตุอาจเกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณนั้น ไม่สามารถสร้างคลอโรฟิลล์ซึ่งมีสีเขียวปกติได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรมในเซลล์ ทำให้เห็นเป็นสีขาว เหลือง หรือแดง สลับกับเขียวปกติ เช่นต้นคล้าสามสี ต้นครุฑแคระ ต้นนกกระทา
จะว่าไปก็สวยงามไปอีกแบบนะคะ
ถัดไปเป็น เรือนสมุนไพร (Medicinal Plants)
พืชสมุนไพร หมายถึง พันธุ์ไม้ต่างๆ ที่นำมาใช้ปรุงหรือประกอบเป็นยารักษาโรคต่างๆ หรือใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกาย
ถ้าจะว่าไป สมุนไพรไทยมีมากมายหลายชนิด บางชนิดก็รู้จักกันดี แต่บางชนิดก็ไม่เคยได้ยินชื่อเลยก็มีค่ะ
ถ้ามาดูแล้ว ต้องกลับไปดูที่บ้านตัวเองนะคะ เผื่อว่าต้นไม้หรือพืชที่ปลูกไว้ จะมีอะไรที่อาจจะเป็นสมุนไพรโดยที่เราไม่เคยรู้ก็ได้ ต่อไปจะไปที่เรือนสับปะรดสี อันนี้ชอบมากค่ะ เพราะดูแล้วสดชื่นมาก
สัปปะรดสี (Bromeliads)
สัปปะรดสี เป็นชื่อเรียกของพืชกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวงศ์สัปปะรด (Bromeliaccac) พืชในวงศ์นี้มีสมาชิกมากถึง 59 สกุล 2,650 ชนิด
พบได้ทั้งบริเวณป่าดิบชื้น และที่แห้งแล้งในเขตทะเลทราย พบทั้งที่เป็นพืชเกาะตามต้นไม้ใหญ่ หรือขึ้นตามพื้นดิน
มีหลากหลายชนิดจริงๆค่ะ สวยมากๆเลย
เข้าไปในเรือนสัปปะรดสี รู้สึกสดชื่นมากค่ะ เนื่องจากเป็นพืชที่มีสีสันสวยงาม และขึ้นแบบเป็นระเบียบ ไม่มีกิ่งก้านที่ยาวเกินไป ทำให้ดูไม่รกหูรกตา
เมื่อจัดให้มาอยู่รวมกันก็ดูสวยมาก
เรือนถัดไปจะเป็นพืชประเภทบัวค่ะ
บัว (Lotus&Water Lily)
เรือนเพาะชำนี้ มีดอกบัวสวยๆ หลายสี หลายชนิดให้ดูค่ะ น่าทึ่งที่ว่า บางดอกมีขนาดใหญ่ แต่ก็สามารถเติบโตขึ้นมาเหนือผิวน้ำได้ โดยที่ก้านไม่งอเลย บางชนิดมีหลายสีในหนึ่งดอกด้วยค่ะ
ต่อไป เราไปดูดอกไม้สวยๆ ต่อที่เรือนกล้วยไม้ค่ะ
กล้วยไม้และเฟิน (Orchids and Ferns)
ที่เรือนกล้วยไม้นี้ เราจะเห็นดอกกล้วยไม้เยอะมาก แล้วแต่ละดอกก็สีสวยขนาดใหญ่มากเลยค่ะ มีหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับคนรักกล้วยไม้จริงๆ
ออกจากเรือนกล้วยไม้ เราจะตามเสียงน้ำตกเข้าไปที่ เรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforests)
ในส่วนของป่าดิบชื้น มีน้ำตกจำลองเล็กๆด้วยนะคะ แล้วก็มีพืชพันธุ์ต่างๆที่ขึ้นในป่าดิบชื้น เข้ามาในนี้นี่เขียวชอุ่มเลยล่ะค่ะ ส่วนจัดแสดงนี้พิเศษตรงที่ว่า มีทางเดินรอบๆ แต่เป็นทางเดินแบบลาดชัน เหมือนเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อดูต้นไม้ชนิดต่างๆ รู้ตัวอีกทีก็ต้องเดินลงบันไดแล้ว ที่นี่มีภาพให้ดูไม่มากนะคะ เพราะพืชส่วนใหญ่มีสีเขียวเหมือนๆกันหมดเลยค่ะ
เดินเอาเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะคะเนี่ย ถัดไป เราจะไปที่เรือนพืชทนแล้งค่ะ
พืชทนแล้ง (Arid Plants)
กระบองเพชรและพืชอวบน้ำ (Cacti and Succulent) ส่วนใหญ่พบในเขตที่แห้งแล้งของโลก พืชเหล่านี้จะมีการปรับตัวให้อยู่รอดในสภาวะวิกฤติ เช่นการเก็บน้ำไว้ภายในลำต้น ใบและราก หรือมีใบที่มีหนามหรือขนแข็งเพื่อลดการคายน้ำ เมื่อพูดถึงกระบองเพชร เรามักจะนึกถึงต้นไม้ที่มีหนาม แต่เมื่อเราเข้ามาดูในเรือนพืชทนแล้งนี้ เราต้องเปลี่ยนความคิดของเราไปเลยทีเดียว เพราะบางชนิดนอกจากจะมีรูปทรงลำต้น หรือลักษณะการขึ้นจับเป็นกลุ่มที่แปลกๆและสวยงามแล้ว ดอกของมันก็มีสีสันสวยงามไม่แพ้กัน เราไปดูรูปดีกว่าค่ะ
เป็นไงบ้างคะ พืชทะเลทรายไม่ใช่จะดูแห้งแล้งเสมอไป เมื่อเราสังเกตดูดีๆ แต่ละชนิดมีรูปร่าง รูปทรงของลำต้น การออกดอกที่สวยมาก และแตกต่างกันออกไป บางต้นมีรูปร่างเหมือนแจกันที่มีดอกไม้ปักอยู่เลยล่ะค่ะ มีชนิดนึงหน้าตาเหมือนสมอง บางชนิดมีคล้ายๆขนนุ่มๆหุ้มลำต้นอยู่ แต่อย่าได้เผลอไปแตะเชียวนะคะ หนามทั้งนั้นเลย นี่แหละค่ะ ความงามที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัวเรา
ใช้เวลานานพอสมควรในการเดินชื่นชมพืชหลายหลายชนิดที่กลุ่มอาคารเรือนกระจก ทำให้รู้สึกสดชื่น และจินตนาการว่า ถ้าเราได้อยู่ในสวนสวยงามแบบนี้ มีเวลาชื่นชมความสวยงามแบบนี้ทุกๆวัน ก็คงจะดี เดินจากกลุ่มอาคารเรือนกระจกมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในใจลึกๆ รู้สึกดีที่รู้ว่า ควรจะขอบคุณใครสำหรับความสวยงามเหล่านี้
ตอนหน้า จะพาไปเดินในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติค่ะ ทีนี้จะเดินในอาคารปิด เป็นห้องแอร์ ก็จะเย็นสบายแล้วล่ะค่ะ
コメント